เรือสำราญสุดอลังลำล่าสุดจาก Disney มาแล้วค่าาทุกคนนน หลังจากที่ติดตามข่าวกันมาอย่างยาวนาน ในที่สุดก็ใกล้ถึงเวลาเปิดตัวกันแล้วว และแน่นอนว่า พอเป็นเรือลำใหม่ล่าสุด ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องสงสัยไปตาม ๆ กันว่าการเตรียมตัวที่จะขึ้นเรือลำนี้มีขั้นตอนยังไง จองได้วันไหน จุดที่น่าสนใจต่าง ๆ ของเรือที่ห้ามพลาดมีส่วนไหนบ้าง ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะแอดรวบรวมคำตอบมาให้ทุกคนในบทความนี้แล้ววว
สารบัญบทความ
เรือสำราญ Disney Cruise Line ระดับตำนานที่เหล่านักเดินทางต้องรู้จัก
แอดรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะแนะนำให้ทุกคนไปรู้จักกับ Disney Adventure เรือสำราญลำใหม่ล่าสุดจากดิสนีย์ที่จะเริ่มเปิดให้จองในวันพรุ่งนี้นี้เองค่า! เรือลำนี้ถือเป็นความมหัศจรรย์แห่งท้องทะเลที่จะพาทุกท่านดำดิ่งสู่โลกแห่งจินตนาการ พร้อมด้วยห้องพักสุดหรูที่ตกแต่งในธีมตัวละครดิสนีย์สุดโปรด กิจกรรมสนุกๆ มากมายบนเรือที่จะทำให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ประทับใจ และที่พิเศษสุดคือการได้พบกับเหล่าตัวละครดิสนีย์แบบใกล้ชิด!
ซึ่งเรือ Disney Adventure จะเริ่มออกเดินทางในเดือนธันวาคมปีหน้า แต่รีบจองกันได้เลยนะคะ เพราะแอดเชื่อว่าที่นั่งต้องเต็มเร็วแน่นอนค่า 
เรือสำราญ Disney Cruise Line ระดับตำนานที่เหล่านักเดินทางต้องรู้จัก
และเพื่อให้ผู้อ่านทุกคนรู้จักกับอาณาจักร Disney Cruise Line แบบอิน ๆ เรามาทำความรู้จักเรือลำอื่น ๆ แบบคร่าว ๆ กันก่อนค่ะ ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจยังไงบ้าง มาติดตามกันค่ะทุกคน
แอดต้องขอเล่าก่อนว่า เรือสำราญของ Disney Cruise Line (DCL) แต่ละลำจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ผสมผสานเสน่ห์ของดิสนีย์เข้ากับประสบการณ์ในการล่องเรือสุดหรูอย่างลงตัวมาก ๆ ซึ่งแต่ละลำก็จะมีความโดดเด่นแตกต่างกันออกไปค่ะ โดยมีทั้งหมด 6 ลำด้วยกัน คือ…
แอดจะพาทุกคนย้อนเวลากลับไปรู้จักกับ Disney Magic เรือสำราญสุดวิเศษลำแรกของดิสนีย์ที่เปิดตัวเมื่อปี 1998 ค่ะ! เรือลำนี้สวยงามมากๆ เพราะมีการออกแบบสไตล์คลาสสิกที่ได้แรงบันดาลใจจากเรือโดยสารข้ามมหาสมุทรในยุคทอง ตัวเรือสีดำ ขาว และทองดูหรูหราสุดๆ แถมยังมีปล่องเรือสีแดงสดใสที่มีโลโก้ Mickey Mouse น่ารักมากเลยค่ะ!
ภายในเรือก็ไม่ธรรมดานะคะ ตกแต่งด้วยสไตล์ Art Deco สุดอลังการ โดยเฉพาะห้องอาหาร Animator’s Palate ที่แอดชอบมากๆ เพราะผนังห้องจะค่อยๆ เปลี่ยนสีจากขาวดำเป็นสีสันสดใสระหว่างที่เรานั่งทานอาหาร เหมือนได้อยู่ในโลกแอนิเมชั่นเลยค่า! แล้วยังมีห้องอาหาร Rapunzel’s Royal Table ที่สาวๆ ต้องกรี๊ดแน่นอน เพราะได้ทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศจากเรื่อง Tangled พร้อมชมโชว์สุดพิเศษและยังได้เจอกับเจ้าหญิงราพันเซลกับหนุ่มฟลินน์ด้วยนะคะ
เรือลำนี้รองรับผู้โดยสารได้ถึง 2,700 คนเลยค่ะ ห้องพักก็น่ารักมาก มีทั้งห้องธรรมดาและห้องสวีทหรู ทุกห้องตกแต่งด้วยดีเทลแบบดิสนีย์สุดคิ้วท์! สิ่งที่แอดชอบมากๆ คือทุกห้องจะมีห้องน้ำแยกเป็นสองส่วน ช่วยให้ครอบครัวไม่ต้องแย่งห้องน้ำกันค่ะ
ส่วนเรื่องความสนุก บอกเลยว่าครบจบในที่เดียว! มีทั้ง Walt Disney Theatre ที่จัดโชว์อลังการแบบบรอดเวย์ สระว่ายน้ำ AquaDunk สไลเดอร์สุดมันส์ที่ยื่นออกนอกตัวเรือ (แอดกลัวมากแต่ก็อยากลอง ) และ Oceaneer Club สโมสรสำหรับเด็กๆ ที่มีโซนธีม Marvel กับ Toy Story สุดน่ารัก
ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา Disney Magic ได้พาผู้โดยสารไปเที่ยวทั่วโลก ทั้งแคริบเบียน บาฮามาส ยุโรป และแคนาดา แต่ละทริปก็จะมีธีมและกิจกรรมพิเศษไม่ซ้ำกัน ทำให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยเวทมนตร์และความประทับใจแบบไม่รู้ลืมเลยค่า! ✨
Disney Magic มักเน้นการเดินเรือในเส้นทางหลักๆ ดังนี้
ยุโรป (ช่วงฤดูร้อน):
- แถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เยี่ยมชมประเทศอิตาลี กรีซ ฝรั่งเศส และสเปน
- แถบยุโรปเหนือ ล่องเรือฟยอร์ดในนอร์เวย์ และแวะเที่ยวเมืองต่างๆ ในสแกนดิเนเวีย
- เส้นทางทะเลบอลติก ผ่านประเทศเอสโตเนีย รัสเซีย และฟินแลนด์
แคริบเบียนและบาฮามาส (ช่วงฤดูหนาว):
- ล่องเรือระยะสั้น 3-4 คืน ไปยังเกาะ Nassau และ Castaway Cay (เกาะส่วนตัวของดิสนีย์)
- ล่องเรือระยะยาว 7 คืน แวะหมู่เกาะในแคริบเบียนตะวันออก เช่น St. Maarten, St. Thomas, Tortola
- เส้นทางแคริบเบียนตะวันตก ผ่าน Grand Cayman, Cozumel, Jamaica
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางพิเศษบางครั้ง เช่น:
- ล่องเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก (Transatlantic) เมื่อต้องย้ายเรือระหว่างทวีป
- เส้นทางแคนาดาและนิวอิงแลนด์ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
- ทริปพิเศษตามเทศกาลต่างๆ เช่น ฮาโลวีน หรือคริสต์มาส
Disney Wonder เรือสำราญสุดน่ารักลำที่ 2 ของดิสนีย์เปิดตัวเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 1999 ด้วยการออกแบบสไตล์ Art Nouveau สุดคลาสสิก สวยหวานด้วยลวดลายอ่อนช้อย แอดชอบมากเลยค่ะ! โดดเด่นด้วยตัวเรือสีขาวสง่างาม ตัดกับปล่องเรือสีแดงที่มีโลโก้ Ariel น้องเงือกน้อยน่ารักๆ เป็นสัญลักษณ์ค่ะ
ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เลยคือห้องอาหาร Tiana’s Place ที่จำลองบรรยากาศร้านอาหารจากเรื่อง The Princess and the Frog มาไว้กลางทะเล! ระหว่างทานอาหารแสนอร่อยสไตล์นิวออร์ลีนส์ เราจะได้สนุกไปกับดนตรีแจ๊สสดๆ และได้เจอกับเจ้าหญิงเทียน่าด้วยนะคะ สาวๆ ห้ามพลาดเชียว!
เรือลำนี้เค้าใส่ใจเรื่องความสนุกสำหรับเด็กๆ เป็นพิเศษค่ะ มี Disney’s Oceaneer Club และ Disney’s Oceaneer Lab ที่เพิ่มโซนกิจกรรมมากกว่าเดิม ทั้งห้องทดลองวิทยาศาสตร์ ห้องศิลปะ และพื้นที่เล่นธีมต่างๆ ที่จะทำให้เด็กๆ สนุกจนไม่อยากกลับห้องเลยทีเดียว!
Disney Wonder เน้นเส้นทางที่แตกต่างจากเรือลำอื่นๆ ของดิสนีย์ค่ะ โดยในช่วงฤดูร้อน (พฤษภาคม-กันยายน) จะพาเราไปผจญภัยที่อลาสก้า ชมธารน้ำแข็ง ป่าอุดมสมบูรณ์ และสัตว์ป่านานาชนิด ส่วนช่วงฤดูหนาว เรือจะล่องไปตามชายฝั่งแปซิฟิกของแคลิฟอร์เนีย แวะเม็กซิโก และบางครั้งก็มีทริปพิเศษไปแคริบเบียนด้วยค่ะ
รองรับผู้โดยสารได้ 2,700 คน เท่ากับ Disney Magic เลยค่ะ แต่ละห้องพักก็ตกแต่งน่ารักมากๆ และที่สำคัญ มีห้องน้ำแยกสองส่วนเหมือนกัน สะดวกสุดๆ สำหรับครอบครัว!
แอดว่าถ้าใครชอบการผจญภัยท่ามกลางธรรมชาติ อยากเห็นวาฬ ธารน้ำแข็ง หรืออยากสัมผัสบรรยากาศเม็กซิโก เรือ Disney Wonder เป็นตัวเลือกที่เหมาะมากๆ เลยค่า
Disney Dream เรือสำราญสุดอลังการที่เปิดตัวเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2011 ค่ะ! ✨ เรียกได้ว่าเป็นการยกระดับความสนุกบนเรือสำราญไปอีกขั้นเลยนะคะ! ไฮไลท์เด็ดที่ทุกคนพูดถึงก็คือ AquaDuck สไลเดอร์น้ำแบบท่อใสที่ยาวถึง 765 ฟุต วนรอบปล่องเรือและยื่นออกไปเหนือทะเล 150 ฟุต สูงจากระดับน้ำ 4 ชั้น!
เรือลำนี้ล้ำสมัยมากๆ ค่ะ ห้องพักด้านในมีหน้าต่างเสมือนจริงที่ฉายภาพวิวทะเลแบบเรียลไทม์ แถมบางทีก็มีตัวละครดิสนีย์โผล่มาทักทายด้วยนะคะ น่ารักมาก! ส่วนระบบอาหารก็เป็นแบบ Rotational Dining ที่ให้เราได้ลองห้องอาหารครบทุกห้องโดยที่พนักงานบริการคนเดิมจะตามไปดูแลเราด้วย อุ่นใจสุดๆ ไปเลย
Disney Dream รองรับผู้โดยสารได้มากถึง 4,000 คนเลยค่ะ ใหญ่กว่า Magic และ Wonder มากๆ! เรือจะเน้นเส้นทางระยะสั้น 3-4 คืน และระยะกลาง 5 คืน ไปยังบาฮามาสและแคริบเบียน โดยไฮไลท์พิเศษคือทุกเที่ยวจะต้องแวะที่ Castaway Cay เกาะส่วนตัวสุดพิเศษของดิสนีย์ค่ะ! บนเกาะมีทั้งชายหาดส่วนตัว กิจกรรมทางน้ำ และจุดถ่ายรูปกับตัวละครดิสนีย์มากมาย
แอดว่าเรือลำนี้เหมาะมากๆ สำหรับทริปสั้นๆ แบบชาร์จพลังความสุข เพราะมีทั้งความสนุก ความตื่นเต้น และความสะดวกสบายครบครัน แถมได้ไปเที่ยวเกาะส่วนตัวของดิสนีย์ด้วย… ฝันเลยค่า!
Disney Fantasy เรือสำราญสุดวิเศษที่เปิดตัวเมื่อ 31 มีนาคม 2012 กันนะคะ! ลำนี้ถือเป็นเหมือนเรือคู่แฝดของ Disney Dream เลยค่ะ แต่มีความพิเศษที่แตกต่างออกไป! ตัวเรือออกแบบในสไตล์ Art Deco หรูหราสง่างาม แต่ที่เด็ดสุดๆ คือเทคโนโลยี Enchanted Art ค่ะ! เป็นภาพดิจิทัลที่ติดตามผนังทั่วเรือ เมื่อเราเดินเข้าไปใกล้ๆ ตัวละครในภาพจะมีชีวิตขึ้นมาเลยนะคะ บางทีก็โบกมือทักทาย บางทีก็เต้นระบำ น่ารักมากๆ เหมือนอยู่ในโลกแห่งเวทมนตร์จริงๆ ค่ะ! 🌟
เรือลำนี้รองรับผู้โดยสารได้ 4,000 คนเท่ากับ Dream เลยค่ะ แต่จะเน้นเส้นทางล่องเรือระยะยาว 7 คืนในแถบแคริบเบียน ทำให้มีพื้นที่และกิจกรรมความบันเทิงเยอะกว่าเดิมค่ะ! มีทั้ง Satellite Falls สระว่ายน้ำสำหรับผู้ใหญ่บนดาดฟ้า, AquaLab สวนน้ำสุดสนุกสำหรับเด็กๆ และ Europa – โซนความบันเทิงยามค่ำคืนที่จำลองบรรยากาศจากเมืองต่างๆ ในยุโรปมาไว้บนเรือเลยค่ะ
ส่วนเส้นทางเดินเรือจะมีสองแบบสลับกันค่ะ:
- แคริบเบียนตะวันออก: แวะเที่ยว St. Maarten, St. Thomas และ Castaway Cay
- แคริบเบียนตะวันตก: แวะ Grand Cayman, Costa Maya, Cozumel และ Castaway Cay
แอดชอบที่เรือลำนี้ออกแบบมาเพื่อครอบครัวจริงๆ ค่ะ มีกิจกรรมให้ทำร่วมกันเยอะมาก แถมยังมีพื้นที่แยกสำหรับผู้ใหญ่ที่อยากมีช่วงเวลาส่วนตัวด้วย ถ้าครอบครัวไหนอยากไปเที่ยวแคริบเบียนแบบยาวๆ แอดแนะนำ Disney Fantasy เลยค่า! รับรองว่าจะได้ความทรงจำสุดพิเศษกลับบ้านแน่นอน
Disney Wish เรือสำราญลำล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อ 14 กรกฎาคม 2022 กันนะคะ! นับเป็นเรือรุ่น Wish-class ลำแรก ที่นำความมหัศจรรย์แบบดิสนีย์มาไว้กลางทะเลได้อย่างเหนือชั้น! ไฮไลท์เด็ดที่แอดตื่นเต้นมากๆ คือ AquaMouse ค่ะ – เครื่องเล่นน้ำแห่งแรกบนเรือสำราญที่ผสมผสานความสนุกของสไลเดอร์น้ำเข้ากับการผจญภัยของมิกกี้และผองเพื่อน มีทั้งแอนิเมชั่น เอฟเฟกต์พิเศษ และเสียงประกอบสุดตื่นเต้น สนุกกว่า AquaDuck เยอะเลยค่ะ!
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้คือห้องอาหาร Arendelle: A Frozen Dining Adventure ค่ะ! ที่นี่จะพาเราไปร่วมฉลองวันครบรอบการหมั้นของอันนากับคริสตอฟ พร้อมชมโชว์สุดพิเศษและร่วมร้องเพลงฮิตจาก Frozen ระหว่างทานอาหารสไตล์นอร์ดิกสุดอร่อย เอลซ่า อันนา และโอลาฟก็มาร่วมปาร์ตี้ด้วยนะคะ น่ารักมากๆ! 💕
เรือลำนี้รองรับผู้โดยสารได้ 4,000 คน เท่ากับ Dream และ Fantasy ค่ะ แต่มีการออกแบบที่ทันสมัยและหรูหรากว่า ด้วยธีม “Enchantment” ที่สอดแทรกอยู่ในทุกมุมของเรือ ตั้งแต่ Grand Hall โถงกลางเรือที่ได้แรงบันดาลใจจากซินเดอเรลล่า ไปจนถึงห้องพักสุดพิเศษแบบ Tower Suite ในปล่องเรือที่ตกแต่งในธีม Moana!
Disney Wish เน้นเส้นทางล่องเรือระยะสั้น 3-4 คืน ไปยังบาฮามาสและแคริบเบียน โดยแน่นอนว่าต้องแวะที่ Castaway Cay เกาะส่วนตัวสุดพิเศษของดิสนีย์ค่ะ! เหมาะมากๆ สำหรับทริปสั้นๆ ที่อัดแน่นด้วยความสนุกและความวิเศษแบบดิสนีย์
Disney Treasure ที่กำลังจะเปิดตัวในวันที่ 21 ธันวาคม 2024 นี้ค่า! ✨เป็นเรือลำที่ 2 ในรุ่น Triton Class (หลังจาก Disney Wish) ที่มาพร้อมคอนเซปต์สุดพิเศษ “Adventure Beyond the Seas” ค่ะ! ตัวเรือได้แรงบันดาลใจจากการผจญภัยในดินแดนเอเชียและแอฟริกา ผสมผสานวัฒนธรรมอันหลากหลายเข้ากับความมหัศจรรย์แบบดิสนีย์ได้อย่างลงตัว
ไฮไลท์ของเรือลำนี้อยู่ที่ Grand Hall โถงกลางเรือที่ตกแต่งในธีม Aladdin สุดอลังการ มีรูปปั้น Jasmine กับ Aladdin ขี่พรมวิเศษ พร้อมด้วยลวดลายแบบอาหรับที่วิจิตรตระการตา! นอกจากนี้ยังมีห้องอาหารธีมใหม่ๆ เช่น Plaza de Coco ที่จำลองบรรยากาศจากเรื่อง Coco มาไว้กลางทะเล และ Worlds of Marvel ที่จะพาเราไปผจญภัยกับเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ค่ะ
เรือลำนี้รองรับผู้โดยสารได้ 4,000 คน เท่ากับ Disney Wish ค่ะ มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย และพื้นที่พักผ่อนที่ออกแบบมาให้เหมาะกับทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น AquaMouse: Curse of the Golden Egg เครื่องเล่นน้ำธีมใหม่ สโมสรสำหรับเด็กๆ และเลานจ์สำหรับผู้ใหญ่ที่ตกแต่งสไตล์เอเชียสุดชิค!
Disney Treasure จะเน้นเส้นทางแคริบเบียนตะวันออกเป็นหลักค่ะ โดยจะออกเดินทางจากท่าเรือ Port Canaveral รัฐฟลอริดา เป็นทริป 7 คืน แวะเที่ยวที่:
- Tortola (หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน)
- St. Thomas (หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐฯ)
- St. Kitts
- Castaway Cay (เกาะส่วนตัวของดิสนีย์)
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางพิเศษในบางฤดูกาลด้วยค่ะ เช่น ทริปสั้น 3-4 คืนไปบาฮามาส หรือทริปพิเศษในช่วงเทศกาลต่างๆ
แอดว่าเส้นทางนี้น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ เพราะได้เที่ยวเกาะสวยๆ หลายที่ในทริปเดียว แถมยังได้แวะพักที่ Castaway Cay ด้วย!
ซึ่งในข้อมูลของเรือทั้ง 6 ลำก่อนหน้านี้ ทุกคนน่าจะพอเห็นภาพคร่าว ๆ แล้วใช่มั้ยคะ ว่าเป็นเรือที่สร้างขึ้นมาเพื่อแฟนดิสนีย์สุด ๆ แต่ละลำก็มีเรื่องราว ธีม เอกลักษณ์เฉพาะที่มีความพิเศษไม่เหมือนใครเลย และนอกจากเรือสำราญทั้ง 6 ลำที่แอดได้พูดถึงข้างบนมา … บอกเลยว่าความฝันของเราไม่ถูกจำกัดฉันท์ใด แผนการขยายจักรวาลของดิสนีย์เองก็ไม่ได้ถูกจำกัดฉันท์นั้น เพราะว่าดิสนีย์เองก็มีแผนขยายกองเรือในอนาคตอีก (และกำลังจ่อออกเดินทางอยู่แล้ววววว) นั่นก็คือเรือ Disney Adventure ที่จะออกเดินทางในสิงคโปร์ปี2025 ซึ่งเป็นลำที่เราจะมาเจาะลึกกันในบทความนี้นั่นเองค่าา
ทำความรู้จัก “Disney Adventure” เรือสำราญลำล่าสุดที่จะมาทำให้เหล่านักผจญภัยทุกคนตกหลุมรัก
มาถึง The One and Only ที่ทุกคนรอคอยกันแล้วค่ะ กับ เรือ Disney Adventure เรือสำราญลำที่ 7 ซึ่งก็คือเป็นเรือลำใหม่ล่าสุดของ Disney Cruise Line ที่จะเปิดให้บริการในปี 2025 นี้!! ซึ่งต้องบอกก่อนค่ะว่า ถึงจะเป็นเรือสำราญเหมือนกัน แต่ Disney Adventure ก็มีจุดเด่นที่หลาย ๆ คนอาจคิดไม่ถึงเลยแอดแอบบอกก่อนเลยว่าจึ้งใจตั้งแต่ Concept ในการสร้างไปจนถึง Facilities ต่าง ๆ ของเรือเลยก็ว่าได้ค่ะ
สำหรับ Disney Adventure นั้นเป็นเรือสำราญที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเหล่าเรื่องราวสุดประทับใจของดิสนีย์ทั้งแอนิเมชั่นและภาพยนตร์เลยค่ะ โดยจะเน้นเป็นเรื่องที่สนุกและสร้างแรงบันดาลใจสำหรับนักเดินทางในทุกช่วงวัย ซึ่งถือว่าเป็นการผสมผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์จากการนำตัวละครจากการ์ตูนและภาพยนต์ต่าง ๆ ของดิสนีย์ควบรวมกับการเดินทางได้อย่างลงตัวค่ะ และนอกจากนี้ Disney Adventure ยังเป็นเรือสำราญที่ถูกสร้างมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักเดินทางในเอเชียโดยเฉพาะด้วย เนื่องจากจะประจำการที่ประเทศสิงคโปร์เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 5 ปีเลยทีเดียว
จากที่แอดได้บอกไปค่ะว่า แม้จะเป็นเรือสำราญเหมือนกัน แต่จุดโดดเด่นของเรือแห่งความผจญภัยลำนี้ก็ไม่ได้น้อยหน้าลำอื่น ๆ เลย การออกแบบและขนาด Disney Adventure มีความยาว 342 เมตร สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 6,000 คน มี 19 ชั้น และใช้พลังงาน HVO Biodiesel เพื่อความเป็นมิตรกับพืชพันธุ์ที่นำไปตกแต่งบนเรือและสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ด้วยค่ะ
7 โซนพิเศษบนเรือดิสนีย์ Disney Adventure มีโซนอะไรบ้าง?
Disney Adventure นั้นมีพื้นที่ธีมพิเศษทั้งหมด 7 โซนด้วยกันค่ะ ซึ่งจะประกอบด้วยโซนธีมที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้…
Wayfinder Bay โซนพักผ่อนสุดพิเศษบนเรือ Disney Adventure ค่ะเป็นโซนที่จำลองบรรยากาศของหมู่เกาะแปซิฟิกจากเรื่อง Moana มาไว้บนเรือ ด้วยการออกแบบที่เน้นความโปร่งโล่ง เปิดรับวิวทะเลแบบ 180 องศา ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ ค่ะ!
ไฮไลท์ของโซนนี้ประกอบด้วย:
- Motunui Lagoon: สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่ออกแบบให้เหมือนลากูนธรรมชาติ
- Te Fiti Gardens: พื้นที่สวนเขียวขจีพร้อมน้ำพุและน้ำตกจำลอง
- Kakamora Splash Zone: พื้นที่เล่นน้ำสำหรับเด็กๆ
- Maui’s Rest: จุดนั่งพักผ่อนใต้ร่มเงาต้นมะพร้าว
กิจกรรมที่น่าสนใจในโซนนี้:
- Wayfinding Workshop: เวิร์คช็อปสอนการนำทางด้วยดวงดาวแบบชาวโพลินีเชียน
- Heart of Te Fiti Water Show: การแสดงน้ำพุประกอบแสงสีและเพลงจาก Moana
- Hula Dancing Class: คลาสเต้นฮูล่าท่ามกลางบรรยากาศทะเลแปซิฟิก
- Storytelling under the Stars: การเล่านิทานยามค่ำคืนรอบกองไฟจำลอง
พิเศษสุดคือร้านอาหารในโซน:
- Tala’s Oceanview Restaurant: ร้านอาหารวิวทะเลที่เสิร์ฟอาหารแปซิฟิกฟิวชั่น
- Moana’s Coconut Cafe: คาเฟ่สไตล์ทรอปิคอลที่มีเครื่องดื่มและขนมพื้นเมือง
แอดว่าโซนนี้เหมาะมากๆ สำหรับคนที่อยากพักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ แบบหมู่เกาะแปซิฟิก หรือใครที่อยากรู้สึกเหมือนได้เป็น Wayfinder แบบโมอาน่า ต้องมาลองแวะมาสัมผัสบรรยากาศที่นี่ดูนะคะ!
Marvel Landing โซนสุดเจ๋งบนเรือ Disney Adventure ที่จะทำให้ทุกคนได้เป็นซูเปอร์ฮีโร่กันค่ะ! เป็นโซนที่จำลองโลกของ Marvel มาไว้บนเรือ ด้วยการออกแบบที่ทันสมัยและเทคโนโลยีล้ำๆ ที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ใน MCU จริงๆ!
ไฮไลท์ของโซนนี้:
- Avengers Command Center: ศูนย์บัญชาการจำลองที่มีการแสดงแบบอินเทอร์แอคทีฟ
- Spider-Man Web Slingers: เครื่องเล่นเสมือนจริงที่ให้คุณได้ยิงใยแมงมุมแบบ Spider-Man
- Doctor Strange’s Sanctum: โรงภาพยนตร์พิเศษที่ใช้เทคโนโลยี 4D
- Thor’s Asgardian Arena: พื้นที่ฝึกพลังแบบนักรบแห่งแอสการ์ด
กิจกรรมสุดพิเศษ:
- Super Hero Training Academy: เวิร์คช็อปฝึกเป็นฮีโร่สำหรับเด็กๆ
- Wakanda Warriors Show: การแสดงการต่อสู้สดจากนักรบวาคานดา
- Meet the Heroes: จุดถ่ายรูปกับเหล่าฮีโร่ที่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาพบปะแฟนๆ
- Night of Heroes: โชว์แสงสีเสียงยามค่ำคืนที่รวมพลังของเหล่าฮีโร่
ร้านค้าและร้านอาหาร:
- Stark Industries Shop: ร้านของที่ระลึกธีม Marvel
- Guardians’ Galaxy Grill: ร้านอาหารธีมอวกาศ
- Ant-Man’s Tiny Treats: ร้านขนมที่เล่นกับขนาดแบบ Ant-Man
- Wong’s Sanctum Café: คาเฟ่สไตล์มิสติกที่ได้แรงบันดาลใจจาก Doctor Strange
พิเศษสุด! โซนนี้มีระบบ Marvel Hero Interactive Mission ที่ให้ทุกคนรับภารกิจพิเศษผ่านสมาร์ทแบนด์ เก็บคะแนนจากการทำภารกิจต่างๆ ทั่วทั้งโซน เพื่อรับตำแหน่ง Honorary Avenger ในตอนท้ายทริปด้วยค่ะ!
Disney Imagination Garden เป็นพื้นที่กลางแจ้งสุดพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเอนิเมชั่นสุดคลาสสิกของดิสนีย์ ทั้ง Moana, The Jungle Book, Up และอีกมากมาย! โซนนี้ถูกออกแบบให้เป็นสวนที่มีชีวิตชีวา ผสมผสานระหว่างธรรมชาติและเวทมนตร์ของดิสนีย์ได้อย่างลงตัวค่ะ
ไฮไลท์ของโซนนี้คือการแสดงสดที่จะสร้างความประทับใจตลอดทั้งวัน! มีทั้ง:
- Moana’s Ocean Adventure Show – การแสดงที่จะพาเราผจญภัยไปกับโมอาน่าและมาวอิ
- Jungle Rhythm Parade – ขบวนพาเหรดสุดสนุกกับเหล่าตัวละครจาก The Jungle Book
- Garden Tales with Belle – การเล่านิทานในสวนสวยพร้อมเจ้าหญิงเบลล์
นอกจากนี้ยังมีมุมถ่ายภาพสวยๆ ที่จัดเต็มด้วยการจัดสวนแบบผสมผสาน ทั้งน้ำพุ น้ำตกจำลอง และต้นไม้ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม บางจุดยังมีเอฟเฟกต์พิเศษที่จะทำให้สวนดูมีชีวิตชีวามากขึ้นด้วยนะคะ!
ในช่วงกลางคืน สวนแห่งนี้จะเปลี่ยนบรรยากาศไปอีกแบบด้วยการประดับไฟ LED และการฉายภาพ Projection Mapping บนต้นไม้และน้ำพุ สร้างความมหัศจรรย์ที่แตกต่างจากช่วงกลางวันอย่างสิ้นเชิงเลยค่ะ!
แอดว่า Disney Imagination Garden จะเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทุกคนต้องแวะมาเยี่ยมชมเมื่อมาล่องเรือ Disney Adventure แน่นอนค่ะ!
‘Disney Discovery Reef เป็นโซนที่จำลองโลกใต้ทะเลสุดมหัศจรรย์ โดยได้รวมเอาตัวละครจากภาพยนตร์ดิสนีย์ที่เกี่ยวกับท้องทะเลมาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น The Little Mermaid, Finding Nemo, Luca และ Lilo & Stitch!
ไฮไลท์ของโซนนี้คือการใช้เทคโนโลยี LED และ Digital Projection ที่จะเปลี่ยนบรรยากาศไปตามช่วงเวลาของวัน:
- ยามเช้า: ท้องทะเลสดใสพร้อมฝูงปลาและปะการังสีสันสวยงาม
- ยามบ่าย: แสงที่ส่องผ่านผิวน้ำสร้างเงาระยิบระยับ
- ยามค่ำ: บรรยากาศเรืองแสงแบบ Bioluminescence
ในโซนนี้มีร้านค้าและร้านอาหารที่ออกแบบมาเป็นพิเศษค่ะ:
- Triton’s Treasures: ร้านขายของที่ระลึกธีมเงือกน้อย
- Coral Cafe: คาเฟ่ที่ตกแต่งด้วยปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล
- Sebastian’s Seafood Spot: ร้านอาหารทะเลที่มีเชฟเซบาสเตียนเป็นมาสคอต
- Crush’s Cool Zone: จุดนั่งพักผ่อนสบายๆ ที่มีเต่า Crush มาทักทาย
พิเศษสุดคือระหว่างมื้ออาหาร จะมีการแสดงพิเศษ “Under the Sea Spectacular” ที่ใช้เทคโนโลยี AR ให้ตัวละครดิสนีย์มาว่ายน้ำรอบๆ ตัวเรา สร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ไม่เหมือนใครเลยค่ะ!
แอดว่านี่เป็นอีกหนึ่งโซนที่ต้องห้ามพลาดเลยนะคะ เพราะนอกจากจะได้สัมผัสบรรยากาศใต้ท้องทะเลที่สวยงามแล้ว ยังได้พบกับตัวละครสุดโปรดในบรรยากาศที่แตกต่างไปในแต่ละช่วงเวลาด้วย!
โซน San Fransokyo Street บนเรือ Disney Adventure ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Big Hero 6 กันค่ะ! เป็นโซนที่ผสมผสานความเป็นซานฟรานซิสโกเข้ากับโตเกียวได้อย่างลงตัว พร้อมความไฮเทคที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่โลกอนาคต!
ไฮไลท์ของโซนนี้ประกอบด้วย:
- The Lucky Cat Café: ร้านกาแฟของคุณป้า Cass ที่มีหุ่นยนต์น้อย Baymax คอยต้อนรับ
- SFIT Innovation Lab: พื้นที่เล่นเกมอินเทอร์แอคทีฟที่จำลองห้องแล็บของ Hiro มาไว้บนเรือ
- Hamada Theater: โรงภาพยนตร์ล้ำสมัยที่ฉายภาพยนตร์แบบ 4D
- Noodle Bowl: ร้านราเมนสไตล์ฟิวชั่นที่ผสมผสานอาหารจีนและญี่ปุ่น
พิเศษสุดคือระบบแสงไฟ LED ทั่วทั้งโซนที่จะเปลี่ยนสีและรูปแบบไปตามช่วงเวลา สร้างบรรยากาศเหมือนเมืองแห่งอนาคต! และในช่วงกลางคืนจะมีการแสดงโดรนไลท์โชว์ที่จะมาเรียงตัวเป็นรูปตัวละครต่างๆ จาก Big Hero 6 ด้วยค่ะ
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษมากมาย:
- Baymax’s Healthcare Companion: จุดถ่ายรูปอินเทอร์แอคทีฟกับ Baymax
- Hero’s Battle Bots: เวิร์คช็อปสร้างหุ่นยนต์จำลองสำหรับเด็กๆ
- San Fransokyo Night Market: ตลาดกลางคืนที่รวมร้านค้าและของกินสไตล์เอเชียฟิวชั่น
แอดว่าโซนนี้จะเป็นที่โปรดปรานของคนที่ชอบความทันสมัยและเทคโนโลยีแน่นอนค่ะ! อย่าลืมแวะมาทักทาย Baymax กันนะคะ!
Town Square โซนแห่งเทพนิยายบนเรือ Disney Adventure กันค่ะ! ✨
Town Square เป็นโซนที่รวบรวมความวิเศษของเหล่าเจ้าหญิงดิสนีย์มาไว้ในที่เดียว! ถูกออกแบบให้เป็นเมืองกลางป่าที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งฤดูร้อน มีทั้งต้นไม้ ดอกไม้ และน้ำพุสวยๆ ตกแต่งทั่วทั้งโซน
ไฮไลท์ของโซนนี้ประกอบด้วย:
- Royal Court Plaza: ลานกลางที่มีน้ำพุขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยรูปปั้นเจ้าหญิงดิสนีย์
- Cinderella’s Carousel: ม้าหมุนสุดคลาสสิกที่ตกแต่งด้วยรายละเอียดจากเรื่อง Cinderella
- Rapunzel’s Art Corner: พื้นที่สร้างสรรค์งานศิลปะสำหรับเด็กๆ
- Anna & Elsa’s Summer House: จุดพบปะตัวละครจาก Frozen
ร้านค้าและร้านอาหารในโซน:
- Fairy Godmother’s Boutique: ร้านเสื้อผ้าและเครื่องประดับสไตล์เจ้าหญิง
- Snow White’s Sweet Shoppe: ร้านขนมและของหวาน
- Belle’s Library Café: คาเฟ่บรรยากาศอบอุ่นพร้อมมุมอ่านหนังสือ
- Royal Banquet Hall: ห้องอาหารหรูที่จะได้ทานอาหารร่วมกับเจ้าหญิงดิสนีย์
กิจกรรมพิเศษในโซน:
- Princess Academy: เวิร์คช็อปเรียนรู้การเป็นเจ้าหญิง
- Royal Tea Party: งานน้ำชายามบ่ายสไตล์เจ้าหญิง
- Enchanted Forest Show: การแสดงเพลงและเต้นรำจากเหล่าเจ้าหญิง
- Summer Night Ball: งานเต้นรำยามค่ำคืนที่ทุกคนจะได้สวมชุดเจ้าหญิงและเจ้าชาย
แอดว่าโซนนี้จะทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนได้ก้าวเข้าไปในโลกแห่งเทพนิยายจริงๆ เลยค่ะ! เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ฝันอยากเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์ หรือใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศซัมเมอร์แสนสดใสท่ามกลางป่าเทพนิยาย ต้องแวะมาเยี่ยมชมที่นี่นะคะ!
สวัสดีค่า! แอดจะพาทุกคนไปสำรวจ Toy Story Place โซนแห่งความสนุกสำหรับทุกคนในครอบครัวบนเรือ Disney Adventure กันนะคะ! ดซนนี้ถูกออกแบบให้ทุกคนรู้สึกเหมือนตัวเองตัวเล็กลงเท่าของเล่น และได้เข้าไปผจญภัยในห้องของแอนดี้! ทำให้รู้สึกเหมือนเราเป็นของเล่นจริงๆ ค่ะ!
ไฮไลท์ของโซนนี้ประกอบด้วย:
- Slinky Dog Slide: สไลเดอร์รูปสลิงกี้ด็อกที่วนไปมาสุดสนุก
- Rex’s Splash Zone: พื้นที่เล่นน้ำที่มีเร็กซ์คอยฉีดน้ำแบบสุ่ม
- Hamm’s Piggy Bank Playground: สนามเด็กเล่นอินเทอร์แอคทีฟที่มีเกมสะสมเหรียญ
- Buzz’s Space Rangers Base: พื้นที่ผจญภัยในอวกาศแบบอินเทอร์แอคทีฟ
กิจกรรมสุดพิเศษ:
- Green Army Men Training Camp: ฝึกเป็นทหารจิ๋วกับกองทัพทหารสีเขียว
- Bonnie’s Craft Corner: มุมงานประดิษฐ์สำหรับเด็กๆ
- Woody’s Round-Up Show: การแสดงสดจากวูดดี้และผองเพื่อน
- Toy Box Games: เกมอินเทอร์แอคทีฟที่ใช้เทคโนโลยี AR
ร้านอาหารในโซน:
- Pizza Planet: ร้านพิซซ่าธีมอวกาศสไตล์ Pizza Planet
- Woody’s Roundup BBQ: ร้านอาหารสไตล์คาวบอย
- Bo Peep’s Sweet Treats: ร้านขนมหวานและไอศกรีม
- Al’s Toy Barn Snacks: ร้านขายขนมขบเคี้ยวในธีมของเล่น
พิเศษสุด! มีระบบ Interactive Toy Box ที่เด็กๆ จะได้รับของเล่นพิเศษที่ใช้เล่นเกมต่างๆ ทั่วทั้งโซน สะสมคะแนนเพื่อปลดล็อกของรางวัลพิเศษ! แอดการันตีเลยว่าโซนนี้จะทำให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่มีรอยยิ้มตลอดทั้งวันแน่นอนค่ะ! เพราะใครๆ ก็อยากกลายเป็นของเล่นในห้องของแอนดี้สักครั้งใช่ไหมคะ?
ร้านอาหารธีมดิสนีย์ทั้งหมดบนเรือ
เดินทางไปกับ Disney Adventure นั้นอย่างที่แอดย้ำตลอด ๆๆๆๆ ในบทความว่า “มันไม่ใช่แค่การล่องเรือสำราญธรรมดา” แต่เป็นการผจญภัยที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะเรื่องอาหารที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญพิเศษ ตั้งแต่การออกแบบร้านอาหารที่มีธีมเฉพาะตัว การรังสรรค์เมนูที่โดดเด่น ไปจนถึงการสร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารที่แปลกใหม่และน่าจดจำ
ซึ่งบนเรือ Disney Adventure เองมีร้านอาหารมากมายที่พร้อมจะพาแขกพิเสษ (ก็คือพวกเราเอง) สามารถดื่มด่ำไปกับรสชาติอาหารและความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องอาหารหลักที่มีการแสดงสุดพิเศษ ร้านอาหารหรูสำหรับโอกาสพิเศษ ไปจนถึงคาเฟ่และร้านอาหารว่างที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยตลอดทั้งวัน โดยร้านอาหารส่วนใหญ่จะรวมอยู่ในค่าโดยสารแล้ว มีเพียงไม่กี่ร้านเท่านั้นที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม มาดูกันว่าร้านอาหารบนเรือ Disney Adventure มีร้านไหนที่น่าสนใจบ้าง แอดจะแบ่งออกหมวดร้านออกเป็น 4 หมวดนะคะ ดังนี้ …
ร้านอาหารหลัก (Main Dining - รวมในค่าโดยสารแล้ว)
- Animator’s Palate มาในธีมสตูดิโอแอนิเมชั่นของดิสนีย์ ซึ่งจะมีจุดเด่นคือผนังและภาพวาดเปลี่ยนสีระหว่างมื้ออาหาร ซึ่งจะมีการแสดงแอนิเมชั่นต่าง ๆ ร่วมด้วยค่ะ เมนูเด่น ๆ จะเป็น Black Truffle Pasta, Pacific Coast Fish เป็นต้น ซึ่งระหว่างรับประทานอาหารก็จะมีตัวละครดิสนีย์มาทักทายเราระหว่างนั้นด้วยค่ะ
- Lumiere’s มีสไตล์การตกแต่งแบบฝรั่งเศสซึ่งมาในธีมของ Beauty and the Beast โดยจะมีโคมไฟคริสตัลหรูหรา บรรยากาศคลาสสิก เมนูอาหารที่ผู้โดยสารควรลอง เช่น French Onion Soup, Chateaubriand เป็นต้น ซึ่งขอบอกว่าร้านนี้มีความโดดเด่นในเรื่องของบริการเป็นหลักค่ะเพราะมาสไตล์ฝรั่งเศสระดับไฮเอนด์เลยทีเดียว
- Enchanted Garden ธีมการนตกแต่งจะมาในแนวสวนแห่งแวร์ซายส์ สวย หรู คลาสสิคโดยมีจุดเด่นคือการตกแต่งเปลี่ยนจากกลางวันเป็นกลางคืนได้ค่ะ ว้าวมาก ๆ สำหรับแอด และเมนูที่ควรลอง ได้แก่ Lobster Ravioli, North Atlantic Fish เป็นต้น และด้วยความที่ร้านมีสไตล์การตกแต่งเป็นส่วน ก็เหมือนเราได้รับประทานอาหารท่ามกลางสวนที่มีชีวิตกันไปเลย คงจะให้ฟีล Alice in Wonderland ไปอีกแบบเหมือนกันค่ะ
ร้านอาหารแบบ Casual (รวมในค่าโดยสาร)
- Cabanas เป็นร้านบุฟเฟ่ต์สไตล์ชายหาด ซึ่งเปิดบริการทั้ง เช้า กลางวัน และเย็นค่ะ โดยจุดเด่นของร้านคือ การมีอาหารหลากหลาย ให้เราเลือกได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็น Seafood Station, Fresh Sushi ก็มีอยู่ในลิสต์เมนูอาหารร้านนี้ค่ะ
- Flo’s Café มี Inspire การตกแต่งมาจากการ์ตูนเรื่อง Cars ค่ะ รูปแบบเมนูจะเน้นเป็นอาหารจานด่วน เช่น พิซซ่า เบอร์เกอร์ ฮอทดอก เป็นต้น โดยทางร้านจะมีความชิล ให้ vibe สบาย ๆ ซึ่งจะเปิดตลอดวันค่ะ
ร้านอาหารพิเศษ (Specialty Dining - มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)
- Palo (18+ ปี) มาใน Concept ของร้านอาหารอิตาเลียนหรูค่ะ โดยจะมีค่าบริการประมาณ $45-95 ต่อท่าน โดยจะมีจุดเด่นคือ จุดเด่น: วิวทะเลพาโนรามา บริการระดับพรีเมียม เมนูแนะนำ เช่น Osso Buco, Chocolate Soufflé เป็นต้น
- Remy (18+ ปี) เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสระดับไฮเอนด์ โดยมีค่าบริการประมาณ $125-250 ต่อท่าน เมนู Recommened เช่น Wagyu Beef, Custom Tasting Menus ซึ่งปรุงโดยเชฟระดับมิชลินสตาร์ และสามารถนำเมนูต่าง ๆ มาจับคู่ไวน์เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับประทานให้มากขึ้นไปอีกค่ะ
** ทั้งสองร้านนี้ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น**
คาเฟ่และบาร์ (บางรายการมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม)
- Vista Café เป็นคาเฟ่เครื่องดื่มพิเศษ ขนมหวาน โดยจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มสำหรับกาแฟพิเศษค่ะ
- Preludes บาร์และเครื่องดื่ม โดยจะมีขนมทานเล่นระหว่างดูการแสดงด้วย
เรือดิสนีย์ Disney Adventure ราคาเท่าไร
เรือดิสนีย์ Disney Adventure ราคาเท่าไร ตรงนี้ถือเปHนจุดที่หลายคนสนใจและให้ความสำคัญมากที่สุดเลยว่า ถ้าอยากได้การพักผ่อนที่พิเศษที่สุดแบบนี้ ต้องใช้เงินเท่าไร จะบอกว่า ห้องพักบนเรือสำราญ Disney Adventure แบ่งออกเป็นหลายประเภทด้วยกันค่ะ โดยราคาห้องพักบนเรือจะแตกต่างกันไปตามประเภทห้อง ระยะเวลาเดินทาง และฤดูกาล โดยราคาที่แจ้งเป็นราคาต่อคน (พักห้องละ 2 ท่าน) และรวมอาหารหลักทุกมื้อแล้วด้วยนะ ประเภทห้องจะแบ่งออกเป็นดังนี้
ห้องพัก Inside เรือดิสนีย์ Disney Adventure
ห้อง Inside เป็นห้องพักที่มีราคาประหยัด รองรับผู้เข้าพักได้สูงสุด 4 ท่าน เหมาะสำหรับกลุ่มเพื่อน 3-4 คน ครอบครัวที่มีเด็กเล็ก 1-2 คน คู่รักที่เน้นการออกไปข้างนอกเพื่อทำกิจกรรมนอกห้องมากกว่า และนักท่องเที่ยวที่ใช้ห้องพักเพียงเพื่อการนอนพักผ่อนเฉย ๆ เพราะห้องค่อนข้างเล็ก มีพื้นที่ขนาด 169 ตารางฟุต โดยมีเตียงคู่ขนาดควีนไซส์ และเตียงพับที่ซ่อนอยู่ในผนัง
จุดเด่นของห้อง Inside:
- ตำแหน่งที่ตั้งสะดวกสบาย อยู่ใกล้โซนกิจกรรมหลัก ไม่ต้องเดินไกล
- ระยะทางเดินสั้น อยู่ใกล้ร้านอาหาร ร้านค้า สามารถเลือกเส้นทางการเดินไปโซนนั่นโซนนนี้ได้ง่ายมาก
- ห้องพักเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน
- มีจอ Virtual Porthole แสดงวิวทะเลแบบเรียลไทม์
- ตัวละครดิสนีย์อาจโผล่มาทักทายในจอได้ตลอดเวลา
จุดด้อย:
- ไม่มีหน้าต่างหรือระเบียง
- ขนาดห้องเล็กที่สุดในบรรดาห้องทุกประเภท
- หากพัก 4 คน อาจรู้สึกคับแคบเกินไป
- ไม่เหมาะกับผู้ที่เมาเรือง่าย เพราะห้องทึบ อาจทำให้อึดอัด
- พื้นที่เก็บกระเป๋าค่อนข้างจำกัด
- บางห้องอาจได้ยินเสียงจากโซนกิจกรรมหรือทางเดิน
แอดแนะนำว่าก่อนจะเลือกห้อง Inside ควรพิจารณาว่าขนาดแก๊งที่อยู่ห้องเดียวกันนั้นไม่ควรเกิน 3 คน และควรไม่มีอาการแพ้เรือหรือกลัวที่แคบ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาอยู่นอกห้องพัก เพราะถ้าใช้เวลาอยู่ในห้องอาจจะคับแคบเกินไป เน้นต้องการประหยัดงบประมาณ หากเพื่อน ๆ โอเคกับจุดด้อยเหล่านี้ ห้อง Inside ก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากๆ สำหรับการล่องเรือ Disney Adventure ค่ะ
ราคาของห้องพัก Inside เรือดิสนีย์ Disney Adventure
- ทริป 3 คืน ราคา 33,148 บาท (958 USD / 1,283 SGD) เฉลี่ยคนละ 16,574 บาท หรือคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อคืน 5,524 บาทต่อคืน
- ทริป 4 คืน ราคา 45,605 บาท (1,318 USD / 1,765 SGD) เฉลี่ยคนละ 22,802บาท หรือคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อคืน 5,700 บาทต่อคืน
- ทริป 5 คืน ราคา 93,217 บาท ( 2,694 USD / 3,607 SGD) เฉลี่ยคนละ 46,608 บาท หรือ คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อคืนเฉลี่ยคนละ 9,321 บาทต่อคืน
ราคานี้เป็นราคาเริ่มต้นสำหรับ 2 คน / ห้องพัก ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับจำนวนแขกเข้าพัก อายุ วันและฤดูกาล แนะนำให้ก่อนจองต้องเช็คอีกทีนะคะ
ห้องพัก Oceanview เรือดิสนีย์ Disney Adventure
ห้อง Oceanview เป็นห้องพักที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบ การตกแต่งภายในห้องผสมผสานความหรูหราเข้ากับความอบอุ่นแบบดิสนีย์ได้อย่างลงตัว พร้อมเตียงนอนที่แยกเป็นสัดส่วนชัดเจนเพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้เข้าพักทุกท่านด้วย ในห้องสามารถชมวิวทะเลผ่านหน้าต่างบานใหญ่ ห้องกว้างกว่าแบบแรกเพราะมีพื้นที่ใช้สอย 241 ตารางฟุต รองรับผู้เข้าพักได้สูงสุด 4 ท่าน เหมาะสำหรับครอบครัวที่ชอบชมวิวทะเล ผู้ที่ชอบแสงธรรมชาติในห้องพัก และผู้ที่มีอาการเมาเรือง่าย การพักห้องนี้อาจจะช่วยลดอาการเมาเรือได้ค่ะ เพราะว่ามีหน้าต่างที่ช่วยให้มองเห็นขอบฟ้าช่วยลดอาการเมาเรือได้
จุดเด่น:
- หน้าต่างบานใหญ่มองเห็นวิวทะเลชัดเจน
- ห้องขนาด 241 ตารางฟุต กว้างกว่าห้อง Inside
- รองรับผู้เข้าพักได้ 4 ท่าน
- เตียงแยกเดี่ยวสำหรับทุกท่าน นอนสบาย
- มีพื้นที่นั่งเล่นริมหน้าต่าง
จุดด้อย:
- ราคาสูงกว่าห้อง Inside
- บางห้องอาจมีวิวถูกบดบังบางส่วน
- ไม่มีระเบียงส่วนตัว
- บางช่วงอาจมีกลิ่นน้ำทะเลโชยเข้ามาบ้าง บางคนอาจจะไม่ชอบ แต่ถ้าบางคนชอบก็ข้ามไปเลย
สำหรับแอด ๆ ว่าห้อง Oceanview เป็นตัวเลือกที่ลงตัวมากระหว่างความสะดวกสบายและราคา เหมาะสำหรับคนที่อยากได้วิวทะเลสวยๆ แต่ไม่ต้องการจ่ายแพงมากเกินไปค่ะ
ราคาของห้องพัก Oceanview เรือดิสนีย์ Disney Adventure
- ทริป 3 คืน: ราคา 45,605 บาท (1,318 USD/1,765 SGD) เฉลี่ยคนละ 22, 802 บาท หรือคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อคืนคนละ 7,601 บาทต่อคืน
- ทริป 4 คืน ราคา 63,321 บาท (1,830 USD/2,450 SGD) เฉลี่ยคนละ 31,660 บาทหรือคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อคืนคนละ 7,915 บาทต่อคืน
- ทริป 5 คืน ราคา 130,933 บาท (3,784 USD/5,067 SGD) เฉลี่ยคนละ 65, 466 บาทหรือ คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อคืนคนละ 13,093 บาทต่อคืน
ห้องพัก Verandah เรือดิสนีย์ Disney Adventure
ห้อง Verandah เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกแอดแนะนำสำหรับเพื่อน ๆ ที่มากันแบบครอบครัวค่ะ รองรับแขกได้สูงสุด 4 ท่าน ห้องนี้มีความโปร่งสบายกว่าห้องอื่นๆ ด้วยพื้นที่ใช้สอยขนาด 284 ตารางฟุต พร้อมระเบียงส่วนตัวในห้องที่ให้เพื่อน ๆ สามารถเปิดออกไปสูดกลิ่นอายของห้องทะเล สัมผัสบรรยากาศทะเลแบบใกล้ชิด โดยสามารถเลือกวิวระเบียงได้ 2 แบบ คือ Disney Imagination Garden ที่ตกแต่งด้วยสวนสวยในธีมดิสนีย์ หรือวิว Disney Discovery Reef ที่มาในธีมโลกใต้ทะเลค่ะ ห้องนี้เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการความเป็นส่วนตัว คู่รักที่อยากมีมุมโรแมนติกด้วยกัน และต้องการพื้นที่พักผ่อนส่วนตัวนอกห้องนอนค่ะ
จุดเด่น:
- มีระเบียงส่วนตัวพร้อมที่นั่งชมวิว
- พื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง
- เลือกธีมระเบียงได้ตามชอบ
- เหมาะกับการพักผ่อนแบบส่วนตัว
- สามารถทานอาหารเช้าที่ระเบียงได้
- ชมพระอาทิตย์ขึ้น-ตกได้จากห้องพัก (เริ่ดมากกก)
- สามารถจัดปาร์ตี้ส่วนตัวได้ที่ระเบียง
จุดด้อย:
- ราคาสูงกว่าห้อง Inside และ Oceanview
- ตอนที่ออกไปชมระเบียงอาจจะได้ยินเสียงแขกคนอื่นได้จากระเบียงห้องข้าง ๆ
- ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยกรณีพาเด็กเล็กไปนะคะ เพราะห้องมีระเบียง!!
- ช่วงที่อากาศไม่ดีอาจได้รับผลกระทบจากลมแรง
- มีค่าใช้จ่ายเพิ่มหากต้องการจัดปาร์ตี้ที่ระเบียง
แอดว่าห้อง Verandah เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากๆ สำหรับครอบครัวที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและประสบการณ์พิเศษบนเรือ Disney Adventure ค่ะ โดยเฉพาะคู่รักที่ได้นั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกด้วยกันคือโรแมนติกมากกกกกก
ราคาของห้องพัก Verandah เรือดิสนีย์ Disney Adventure
- ทริป 3 คืน ราคา 49,757 บาท (1,438 USD/1,925 SGD) เฉลี่ยคนละ 24,878 หรือคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อคืนคนละ 8,293 บาทต่อคืน
- ทริป 4 คืน ราคา 69,134 บาท (1,998 USD/2,675 SGD) เฉลี่ยคนละ 34,567 บาทหรือ คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อคืนคนละ 8,642 บาทต่อคืน
- ทริป 5 คืน:ราคา 143,390 บาท (4,144 USD/5,549 SGD) เฉลี่ยคนละ 71,695 บาทหรือคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อคืนคนละ 14,339 บาทต่อคืน
ราคานี้เป็นราคาเริ่มต้นสำหรับ 2 คน / ห้องพัก ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับจำนวนแขกเข้าพัก อายุ วันและฤดูกาล แนะนำให้ก่อนจองต้องเช็คอีกทีนะคะ
ห้องพัก Concierge เรือดิสนีย์ Disney Adventure
ราคาห้องพัก Concierge เรือดิสนีย์ Disney Adventure
- ทริป 3 คืน:ราคา 114,417 บาท (3,298 USD/4,416 SGD) เฉลี่ยคืนละ 57,208 บาทหรือคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อคืนคนละ 19,070 บาทต่อคืน
- ทริป 4 คืน: ราคา 160,207 บาท (4,630 USD/6,200 SGD) เฉลี่ยคืนละ 80,103 บาท หรือ คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อคืนคนละ 20,026 บาทต่อคืน
- ทริป 5 คืน:ราคา 336,469 บาท (9,724 USD/13,021 SGD) เฉลี่ยคืนละ 168,234 บาท หรือคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อคืนคนละ 33,647 บาทต่อคืน
ราคานี้เป็นราคาเริ่มต้นสำหรับ 2 คน / ห้องพัก ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับจำนวนแขกเข้าพัก อายุ วันและฤดูกาล แนะนำให้ก่อนจองต้องเช็คอีกทีนะคะ
วิธีจองเรือดิสนีย์ Disney Adventure
สำหรับการจองห้องพักเพื่อร่วมเดินทางกับเรือดิสนีย์ Disney Adventure นั้นมีหลากหลายมีช่องทางมาก ๆ ค่ะ
โดยวิธีนี้ง่ายที่สุดที่ทุกคนมักจะนึกถึงก็คือ การจองผ่านเว็บไซต์ Disney Cruise Line Official Website โดยทำตามขั้นตอนของเว็บไซต์ดังนี้
- สร้างบัญชีหรือเข้าสู่ระบบ: โดยลงทะเบียนหรือเข้าสู่ระบบบัญชีของคุณล่วงหน้า เพื่อความสะดวกในการจอง
- เลือกแพ็กเกจและวันเดินทาง: เลือกวันเดินทางที่ต้องการและแพ็กเกจที่เหมาะสม
- เตรียมข้อมูลการชำระเงิน: ตรวจสอบรายละเอียดบัตรเครดิตหรือวิธีการชำระเงินล่วงหน้า
จองเรือดิสนีย์ Disney Adventure กับ KKDay!!
และสำหรับใครที่รู้สึกว่าการจองผ่านเว็บไซต์ทางการนั้นมีความยุ่งยากเพราะเป็นภาษาอังกฤษที่อาจจะเป็นอุปสรรคทางภาษาอยู่ แอดมีวิธีที่ง่ายกว่านั้น !! คือแนะนำให้จองผ่านตัวแทนอย่างเป็นทางการอย่าง “KKday” ก็เป้นวิธีที่สะดวกมาก ๆ
และยิ่งสำหรับคนที่จองจองแพ็กเกจเรือดิสนีย์แอดเวนเจอร์ล่วงหน้ากับ KKday จะได้รับบริการรถยนต์รับ-ส่งส่วนตัวจากทุก ๆ สถานที่ในสิงคโปร์ไปยังท่าเรือฟรีด้วยย!!! (คุ้มแค่ไหนคิดดู!!) หากแฟน ๆ ดิสนีย์คนไหนสนใจล่องเรือดิสนีย์อยู่แล้ว แอดขอแนะนำจากหัวใจว่าให้จองแพ็กเกจเรือสำราญดิสนีย์แอดเวนเจอร์กับ KKDay ได้เลยน้า!
โค้ดพิเศษ กับ KKDay!! ใส่โค้ด DNEVTCRUISE รับส่วนลด 20% ทันที
จองภายในวันที่ 10 ธันวาคม 2567 – 9 มกราคม 2569 * มีจำนวนจำกัด*
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเรือดิสนีย์ Disney Adventure
เรือ Disney Adventure จะเริ่มออกเดินทางครั้งแรกวันที่ 15 ธันวาคม 2025
สามารถจองผ่านเว็บไซต์ Disney Cruise Line หรือตัวแทนท่องเที่ยว เริ่มจองได้ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2024 เวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นสิงคโปร์
แอดแนะนำให้จองล่วงหน้าอย่างน้อย 6-12 เดือนค่ะ โดยใครที่ต้องการไปเที่ยวช่วงฤดูท่องเที่ยวยิ่งต้องจองล่วงหน้านาน ๆ เลยยย เพราะไม่งั้นอาจจะพลาดมุมห้องที่ต้องการได้
เอกสารที่จำเป็นสำหรับการจองมีดังนี้
- หนังสือเดินทางที่มีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน
- ข้อมูลผู้เดินทางทุกคน (ชื่อตามหนังสือเดินทาง วันเกิด)
- ข้อมูลการติดต่อฉุกเฉิน
- ข้อมูลบัตรเครดิตสำหรับการชำระเงิน
โดยราคาสำหรับห้องพักมาตรฐานเริ่มต้นประมาณ 55,848 บาท สำหรับ 2 คน ราคาขึ้นอยู่กับประเภทของห้องพัก เช่น ห้อง Oceanview, Verandah, หรือ Concierge ค่ะ สำหรับผู้ใหญ่ที่เข้าพักคนที่ 3-4 จะคิดราคาอยู่ที่ 65% ของผู้ใหญ่คนที่ 1 ค่ะ
ในกรณีที่จองห้องพักสำหรับท่านคนที่ 3 และ 4 แนะนำให้ตอนกดจองให้เลือกจำนวนคน และใส่ข้อมุลผู้โดยสารลงไปให้ครบ แล้วระบบจะคำนวนเงินให้อัตโนมัติค่ะ
โดยทั่วไปจะมีการกำหนดให้วางมัดจำ 20% ของราคาแพคเกจทั้งหมด ณ วันที่จอง และต้องชำระส่วนที่เหลือทั้งหมดก่อนการเดินทาง 120 วัน แต่เงื่อนไขของการชำระเงินของแต่ละที่อาจจะไม่เหมือนกัน ดังนั้นแนะนำให้ดูเงื่อนไขผ่านตัวแทนท่องเที่ยวที่ได้รับอนุญาตนะคะ
เหมาะมากที่สุดในสามโลกกกกกกกกค่ะ เพราะเรือลำนี้คือเน้นกิจกรรมสำหรับเด็กทุกวัย รวมถึงบริการรับดูแลเด็ก และห้องเด็กเล็กโดยเฉพาะด้วย คุณพ่อคุณแม่วางใจได้เลย
ราคาสำหรับผู้โดยสารเด็กนั้น จะแบ่งออกเป็น 2 กรณีค่ะ
- กรณีที่ 1 คือ เด็กพักเป็นคนที่ 3-4 ของห้อง
-อายุ 3-12 ปีจะราคาประมาณที่ 63% ของผู้ใหญ่
– อายุต่ำกว่า 3 ปี ราคาประมาณ 40% ของผู้ใหญ่ค่ะ
- กรณีที่ 2 เด็กพักเป็นคนที่ 1 หรือ 2 ของห้อง ราคาจะเท่ากับผู้ใหญ่ค่ะ
ซึ่งค่าโดยสารของเด็กนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงตามอายุด้วย แนะนำให้ตอนกดจองให้ใส่ข้อมูลผู้โดยสารเข้าไป แล้วระบบจะคำนวนให้เองค่า
เรือ Disney Adventure มีเส้นทางครอบคลุม 3-5 คืน โดยจะเดินทางออกจากท่าเรือจาก Marina Bay Cruise Center ในสิงคโปร์ แล้วก็จะแล่นออกไปในทะเลตามระยะเวลาที่กำหนด ( 3 – 5 คืน ตามแพคเกจที่เราซื้อ) ก่อนที่จะกลับเข้าฝั่งที่สิงคโปร์เหมือนเดิมค่ะ
สำหรับราคาทั้งหมดแอดย้ำอีกทีว่าจะรวมทุกอย่างไว้หมดแล้วทั้งห้องพัก อาหารในร้านหลักเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ กิจกรรมความบันเทิงส่วนใหญ่บนเรือ และการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกทั่วไป
ได้ค่า แต่เด็กต้องมีอายุอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไปสำหรับเส้นทางปกติ และควรมีอายุมากกว่า 1 ขวบสำหรับการล่องเรือข้ามมหาสมุทรน้า
เข้าได้ค่ะ เพราะห้องพักบนเรือบางห้องสามารถเข้าพักได้ถึง 4 คนและบางห้องสามารถพักได้สูงสุด 6 คนค่ะ ซึ่งก็จะแล้วแต่ละกลุ่มหรือครอบครัวเลือกให้เหมาะสมค่า
เรือดิสนีย์แอดเวนเจอร์มีแพ็กเกจวันเดินทางให้เลือกหลายแบบ ตั้งแต่ 3 คืน , 4 คืน และ 5 คืนซึ่งเป็นแพ็กเกจพิเศษสำหรับการล่องเรือที่สิงคโปร์ มีจำนานจำกัดด้วยน้า
อื้มมม .. ต้องบอกก่อนว่าด้วยความที่เป็นเรือดิสนีย์พนักงานส่วนใหญ่จะเน้นการสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษเป็นหลัก แต่อาจมีพนักงานที่พูดภาษาอื่น ๆ ได้บ้างนิดหน่อยค่ะ
สามารถทำได้ค่ะ แต่มีเงื่อนไขเฉพาะ เช่น ค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนแปลง และข้อกำหนดเรื่องการคืนเงินในบางกรณีเท่านั้นนะคะ แนะนำให้ติดต่อกับช่องทางที่จองโดยตรง
โดยมีข้อกำหนดดังนี้ …
- ต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 120 วันก่อนการเดินทาง
- อาจมีค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนแปลง
- การเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับความพร้อมของห้องพักและเที่ยวเรือ
แนะนำให้ติดต่อกับช่องทางที่จองโดยตรง และต้องมีเงื่อนไขการคืนเงินมีดังนี้
- ยกเลิกก่อน 120 วัน: ได้คืนเงินทั้งหมดยกเว้นค่ามัดจำ
- ยกเลิก 119-56 วัน: ได้คืน 50%
- ยกเลิกน้อยกว่า 56 วัน: ไม่สามารถขอคืนเงินได้
- แนะนำให้ทำประกันการเดินทางเพื่อครอบคลุมกรณียกเลิก
